วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลที่ให้มากกว่าการดูแล รักษา

พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานอาจเป็นชื่อที่หลายคนไม่คุ้นเคย แต่ถ้าบอกว่าเป็น
พิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดแสดงร่างของซีอุย เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายของนวลฉวี รวมถึงวัตถุพยานที่สำคัญในคดีต่างๆ  หลายคนก็คงจะเริ่มคุ้นชินกับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมาบ้างใช่ไหมคะ

งั้นเราลองมาดูประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจแห่งนี้กัน


พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน เป็นพิพิธภัณฑ์ภายในโรงพยาบาลศิริราช ที่เริ่มต้นมาจากการเก็บ และจัดแสดงสิ่งของซึ่งเป็นสิ่งเรียนรู้ทางการแพทย์ในแต่ละภาควิชา โดยในปี พ.ศ. 2525 มีพิพิธภัณฑ์ที่เปิดรวมภายโรงพยาบาลถึง 13 แห่ง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปพิพิธภัณฑ์ถูกลดลงให้เหลือเพียง 6 แห่ง ที่สามารถเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม





เมื่อคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับมอบพื้นที่บางส่วนของสถานีรถไฟธนบุรี จำนวน 33 ไร่ จากการรถไฟแห่งประเทศไทย และเพื่อให้วงการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศมีการพัฒนาทั้งด้านวิชาการการวิจัย การศึกษา และการบริการ จึงมีการเสนอโครงการพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ต่อรัฐบาล และวางแผนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วยโครงการย่อย 7 โครงการ ซึ่งพิพิธภัณฑ์เป็นหนึ่งในโครงการย่อยเหล่านั้น พร้อมทั้งได้มีการ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพัฒนาศิริราชสู่สถาบันการแพทย์ชั้นเลิศในเอเชียอาคเนย์ ในส่วนของพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชขึ้น เพื่อให้รับผิดชอบดูแลพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในศิริราช รวมทั้งมีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติหน้าที่รวบรวมเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพิพิธภัณฑ์ ภาควิชาและหน่วยงานต่าง ๆ ภายในโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเก็บเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับโครงการ รวมเป็น “พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน” ในปัจจุบัน



พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน ตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงพยาบาลศิริราช ถือเป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ในพื้นที่สถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช เพื่อเปิดประสบการณ์ การเรียนรู้ ทั้งด้านประวัติศาสตร์การแพทย์, การก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราช, โรงเรียนแพทย์แห่งแรก, พัฒนาวิทยาการแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราช ทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ได้รับการออกแบบอย่างสวยงาม ทันสมัย ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ควบคุมทั้งสื่อนำเสนอและระบบการเข้าชม สามารถรองรับการเยี่ยมชมได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งแบบหมู่คณะคราวละหลายร้อยคน หรือผู้สนใจที่มาแบบส่วนตัวก็ได้เช่นกัน

ซึ่งพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานจะแบ่งออกเป็น 6 พิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปชม
ในที่นี้จะขอแนะนำไปที่ตึกอดุลยเดชวิกรม





 ซึ่งภายในตึกอดุลยเดชวิกรมจะมีพิพิธภัณฑ์ดังนี้ 

1.พิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาเอลลิส จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติพยาธิวิทยาในประเทศไทย ห้องจำลอง 
การปฏิบัติงานทางพยาธิวิทยาที่ตึกเสาวภาคย์ในอดีตของโรงพยาบาลศิริราช แสดงระบบการทำงานของหัวใจปกติและโรคหัวใจ

2.พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน เริ่มก่อตั้งในสมัยของ ศ.นพ.สงกรานต์ นิยมเสน ซึ่งท่านได้เป็นผู้ริเริ่มงานด้านนิติเวชศาสตร์ของศิริราช และดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ในขณะนั้น จัดแสดงเกี่ยวกับนิติพยาธิ ชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆของมนุษย์ ที่ตายด้วยโรคตามธรรมชาติ และตายโดยผิดธรรมชาติ และยาเสพติดชนิดต่างๆ วัตถุพยานจากคดีต่างๆ เช่น คดีฆาตกรรม ฆ่าตัวตาย อุบัติเหตุ ฯลฯ ที่มีการจัดแสดงกะโหลกศรีษะจำนวนมากที่ได้จากการทดลองยิงเพื่อการศึกษาทิศทางบาดแผลในระยะต่างๆ รวมทั้งเครื่องมือที่ใช้ในการชันสูตรพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่8 และมีการจัดแสดงศพต่างๆ เช่น ศพ ” ซีอุย ” ศพไม่เน่า เสื้อผ้าในวันเกิดเหตุของคดีนวลฉวี ฯลฯ

3.พิพิธภัณฑ์ ประวัติการแพทย์ไทย อวย เกตุ อดีตหัวหน้าแผนกสรีรวิทยาและเป็นอดีตหัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยาเป็นผู้รวบรวมเรื่องราวการแพทย์ของไทย ได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์เสร็จในปี พ.ศ. 2522 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงเปิดเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2522 สิ่งจัดแสดงที่สำคัญได้แก่ ประวัติและวิวัฒนาการการแพทย์ของไทย ร้านขายยาไทย พร้อมตัวอย่างสมุนไพรชนิดต่างๆ อุปกรณ์ในการปรุงยาไทย การคลอดและการอยู่ไฟ เฉลวหรือไม้ไผ่สานเป็นรูปดาวที่ใช้ปักบนหม้อต้มยา กระบองอาญาสิทธิ์ ที่แพทย์หลวงใช้ถือไปเก็บสมุนไพรได้ทุกที่ การนวดและอุปกรณ์ที่ใช้นวดและการรักษาโรคเบื้องต้นด้วยท่าฤาษีดัดตน การรักษาโรคด้วยไสยศาสตร์ ฯลฯ ขณะนี้สิ่งแสดงดังกล่าวจำนวนหนึ่งได้ย้ายมาจัดแสดงร่วมภายในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์เป็นการชั่วคราว

4.พิพิธภัณฑ์ปรสิตวิทยา ก่อตั้งโดย ศ.นพ. วิจิตร ไชยพร ในปี พ.ศ. 2513 โดยการเก็บรวบรวมตัวอย่างสิ่งแสดงจากผู้ป่วย จากการตรวจศพ ฯลฯ ไว้ใช้ในการเรียนการสอนนักศึกษาหลักสูตรต่างๆ โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์ แต่ในภายหลังมีการจัดแสดงแบ่งเป็นหมวดหมู่ และได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชมด้วย เพื่อเป็นแหล่งความรู้ที่ต้องการ ให้คนดูตระหนักถึงอันตราย และโทษของการบริโภคแบบผิดๆ


โดยวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งโครงการพิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราชแห่งนี้คือ

(๑) เพื่อรวบรวมสิ่งแสดง วิเคราะห์ จำแนกประเภท ประเมินคุณค่า ทำทะเบียน และเก็บรักษาสิ่งแสดงจาก ทุกหน่วยงานของคณะฯอย่างเป็นระบบ

(๒) เพื่อจัดแสดงประวัติและวิวัฒนาการของการแพทย์ของประเทศไทยและของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

(๓) เพื่อจัดแสดงสิ่งแสดงทางการแพทย์ และพัฒนาให้เป็นแหล่
งเผยแพร่ความรู้ทางด้านการแพทย์และการ

สาธารณสุขแก่ประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

(๔) เพื่อเป็นสถานบริการการศึกษานอกระบบสำหรับนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชน

(๕) เพื่อเป็นศูนย์การวิจัยและพัฒนาการจัดทำสิ่งแสดงทางการแพทย์และการสาธารณสุข

(๖) เพื่อดำเนินกิจกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการพิพิธภัณฑ์การแพทย์

(๗) เพื่อร่วมมือกับองค์กรอื่นทั้งในและต่างประเทศเพื่อประโยชน์ในด้านการพัฒนาพิพิธภัณฑ์การแพทย์


หลังจากดูข้อมูลมาพอสมควรแล้ว อันดับต่อไปคือ การไปดูทุกอย่างที่กล่าวมานี้ด้วยตัวคุณเอง
เพื่อให้คุณได้เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ตรงๆๆๆๆๆๆ ดังนั้น สิ่งที่จะนำเสนอ ต่อไปคือ

วิธีการเดินทาง

                 รถประจำทางสายผ่านหน้าโรงพยาบาลศิริราช ได้แก่ สาย 19, 57, 81, 146, 149, และ 157
                 เรือด่วนเจ้าพระยาระบุลงท่าพรานนก
                 เรือข้ามฟากท่าพระจันทร์-วังหลัง, ท่าช้าง-วังหลัง


                




อ้อ พิพิธภัณฑ์นี้ ไม่ได้เปิดทุกวันนะคะ จะไปวันไหน ต้องดูก่อนนะ

          เวลาเปิด-ปิด : เปิดวันจันทร์, พุธ– อาทิตย์ (หยุดวันอังคารและวันนักขัตฤกษ์) เวลา 10.00–17.00 น.

ถ้าพร้อมที่จะไปเรียนรู้ เรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจในพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแห่งนี้แล้ว
ก็ออกเดินทางได้เลยยยยยยยยยยยยยยยยยย









ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

http://www.si.mahidol.ac.th/museums/th/webboard/webboarddetail.asp?q_id=4 

http://www.m-culture.in.th/album/167016/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

ใครๆก็โกง จริงหรือที่เราต้องเพิกเฉย!!!!!

          เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าปัญหาเรื่องการคอรัปชั่นเป็นปัญหาสําคัญลําดับต้นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นมาช้านาน จนฝังรากลึกและพบเกือบทุกกลุ่มอาชีพในสังคมไทย เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน หรือกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยไปแล้ว เมื่อปัญหาดังกล่าวผูกพันอยู่กับสังคมไทย จึงส่งผลให้คนไทยบางส่วนมองว่าการทุจริตคอรัปชั่น เป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ โดยมักจะใช้แนวคิดว่าผู้มีอํานาจก็มักจะโกงกันทุกฝ่าย ดังนั้นหากใครโกงแล้วทํางานเก่งก็ถือว่าพอรับได้จึงทําให้คนยินยอมที่จะเสียเงินเพื่อซื้อความสะดวก สิทธิพิเศษ หรือตัดความรําคาญ แม้กระทั่งเกิดความคิดสีเทาประเภทกินตามน้ำ เข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตาม ตัวเล็กกินไก่ ตัวใหญ่กินช้าง หรือคนโกงแต่เก่ง ดีกว่าคนซื่อที่ทํางานไม่เป็น 














>>>เป็นค่านิยมอันตราย ที่มองว่าใครๆก็โกง







          ซึ่งการกระทําและความคิดเหล่านี้ ทําให้สังคมไทยกลายเป็นสังคมคอรัปชั่นเกือบจะสมบูรณ์ และจากผลการวิจัยพบว่า ในแต่ละปีพ่อค้าและนักธุรกิจกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ต้องสูญเสียเงินให้กับการคอรัปชั่นเป็นจํานวนสูงถึงเกือบ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเงินจํานวนนี้ หากไม่ไปตกอยู่ในกระเป๋าของคนเพียงไม่กี่คนย่อมสามารถอํานวยประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ของประเทศได้ ทําให้รัฐต้องจ่ายเงินงบประมาณสูงกว่าที่เป็นจริง ทําให้ประชาชนต้องได้รับบริการสาธารณะที่ไม่มีคุณภาพ อีกทั้งยังทําให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในระบบราชการไทยที่มักจะมีการใช้อํานาจโดยมิชอบ และมักมีการเรียกผลประโยชน์จากนักลงทุน เพื่อแลกกับการอนุญาตให้เอกชนดําเนินการในกิจการที่รัฐจะต้องทํา ซึ่งรัฐเองก็ไม่สามารถตรวจสอบการกระทําดังกล่าวได้



          จากปัญหาที่เกิดขึ้น คนในสังคมเริ่มมีความตื่นตัวในเรื่องการคอร์รัปชั่นมากขึ้น มีหน่วยงานที่พยายามออกมาต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ซึ่งออกมาในรูบแบบต่างๆมากมายเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของคน







          มีทั้งที่เป็นรูปการ์ตูนน่ารักๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของคน และเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น




และเพื่อให้คนในสังคม ตื่นตัวมากขึ้นอย่างที่คาดหวังก็มีองค์กรที่ทำสื่อ เกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต ที่มีเนื้อหา เข้าใจง่าย สนุก และเข้าถึงความรู้สึก

                                     

          คนไทยทุกคน ต้องตระหนักถึงความจำเป็นในการร่วมมือกัน ทำลายวงจรอุบาทว์ของการใช้อำนาจหน้าที่ทุจริตคอรัปชั่น 
         ที่สำคัญ เราต้องสร้างมาตรการลงโทษทางสังคมเพื่อหยุดความชั่วร้าย เพราะหากไม่ขจัด   การทุจริตโดยผู้มีอำนาจรัฐ ประเทศก็ยากจะเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ

"ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องร่วมกันต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นเพื่อปกป้องประโยชน์ของประเทศ"


                                       ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=872214

                                                                       http://www.youtube.com/watch?v=jUF2iVBP1e4