วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

จากเรื่องเล็ก กลายเป็นเรื่องใหญ่


การใช้คอมพิวเตอร์ไปเปลี่ยนแปลง แก้ไข ข้อมูลต่างๆ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น 
ทั้งด้านทรัพย์สิน และด้านชื่อเสียงนั้น นับเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งจริยธรรม 
บางครั้งอาจเกิดขึ้นจากความโกรษเพียงชั่ววูบ แต่ส่งผลในด้านลบทั้งตัวบุคคลที่แก้ไขข้อมูล
และบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในระยะยาว

ดังเช่นในข่าวที่ค่อนข้างเป็นกระแส วิพากษ์วิจารณ์ในหลายฝ่ายด้วยกันค่ะ




พล.ต.ต.ปิยะ รับแล้ว!! ข้อความด่าม็อบเจ้าหน้าตำรวจเป็นคนตัดต่อพร้อมลบแล้ว อ้างทำเพราะตำรวจถูกรังแก?? พร้อมขอโทษ"เดลินิวส์" ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย
เมื่อวันอาทิตย์ ( 17 พ.ย. ) หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ กรอบบ่าย ฉบับวันที่ 18 พ.ย. เสนอข่าวชี้แจงกรณีโลกโซเชียลมีเดียได้มีผู้ใช้ภาพประกอบข่าวของเว็บไซต์เดลินิวส์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) วิ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกนางเลิ้งไปดัดแปลงเติมข้อความว่า "เดลินิวส์ยืนยัน ม็อบระยำ ทำร้ายตำรวจ" โดยกองบรรณาธิการเว็บไซต์เดลินิวส์ ระบุว่า ภาพดังกล่าวเป็นของเว็บไซต์เดลินิวส์จริง แต่ข้อความดังกล่าวได้ถูกแต่งเติมขึ้นจนทำให้หลายฝ่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายละเอียดภาพเว็บไซต์เดลินิวส์ดังกล่าวที่ถูกดัดแปลงแต่งเติมขึ้น ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมอย่างมาก เมื่อทวิตเตอร์ทีมโฆษก ตร. หรือ @PoliceSpokesmen นำทีมโดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้แคปเจอร์ภาพหน้าเว็บเพจของเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ ซึ่งนำเสนอข่าวเหตุการณ์กระทบกระทั่งระหว่างผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กับเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เมื่อช่วงสายวันนี้ โดยระบุข้อความว่า เดลินิวส์ ยืนยัน ม็อบระยำ ทำร้ายตำรวจ!!!!

อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อความดังกล่าวปรากฏขึ้น ได้ถูกผู้ใช้ทวิตเตอร์ตำหนิถึงความมีวุฒิภาวะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีอคติกับผู้ชุมนุม ภายหลังเมื่อเวลา 19.22 น. ทวิตเตอร์ดังกล่าวได้ลบข้อความออกไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ ( 18 พ.ย. ) พล.ต.ต.ปิยะแถลงข่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า ในระหว่างวันที่ 9-16 พ.ย. ได้มีตำรวจบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายจำนวน 4 นาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ และมีรถควบคุมฝูงชนจาก บก.ภ.จว.ระยอง ถูกการ์ด คปท.ประมาณ 40 คน ใช้ของแข็งทุบได้รับความเสียหาย 1 คัน เหตุเกิดที่หน้ากองการช่าง กรมทางหลวง
"ในฐานะโฆษก ศอ.รส. ต้องขอโทษทางเดลินิวส์ ที่มีข้อมูลข่าวโพสต์ทางโซเชียลมีเดียก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่เดลินิวส์ เพราะเหตุที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้สึกว่าตำรวจจะถูกรังแกอยู่เรื่อยๆ ก็เลยไปเพิ่มข้อความบางส่วนที่ไม่สุภาพ และส่งผลกระทบทำให้เดลินิวส์เสียหาย ซึ่งเดลินิวส์นั้นมิได้เป็นคนพิมพ์ข้อความนั้นเข้าไป และทางเราได้ทำการตรวจสอบ จึงได้รีบเอาข้อความดังกล่าวออกไปแล้ว" โฆษก สตช.กล่าว




จากข่าวนะค่ะ จะเห็นได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดเพียงเพราะความโกรษ
ที่เชื่อว่าตนเป็นฝ่ายถูกรังแก อยากให้สังคมรับรู้ในมุมมองของตนเอง 
จึงทำการเพิ่มเติมข้อมูลบางอย่างลงไปในภาพ และนำไปเผยแพร่
ซึ่งผลที่ตามมาคือ ความเสียหายในด้านชื่อเสียง

โดยภาพข่าวของจริง ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนแปลงมีดังนี้ค่ะ


ม็อบราชดำเนินเดือด ไล่ตีตำรวจ

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท. )เคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่ชุมนุมบริเวณ หน้ากองทัพบก เพื่อรณรงค์ ติดธงชาติที่ด่านตำรวจ ในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อรณรงค์ให้ทุกฝ่ายมีสำนึกรักชาติ โดยเริ่มผูกธงชาติที่ด่านมัฆวาน เป็นด่านแรก แต่เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึง บริเวณแยกสนามม้านางเลิ้ง  ปรากฏว่ามีตำรวจ ปิดกั้นเส้นทาง ทำให้นายนิติธร ล้ำเหลือที่ปรึกษา ต้องเจรจา และใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงเคลื่อนขบวน ผ่านมาได้ แต่เกิดมีการกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มมวลชนกับตำรวจโดยกลุ่มผู้ชุมนุมใช้ด้ามธงวิ่งไล่ตีตำรวจ      

แต่แกนนำได้เข้าห้ามปรามไว้ได้ทัน เหตุการณ์เลยไม่บานปลาย
ต่อมาขบวนเคลื่อนมาถึง ที่บริเวณด่านทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถขยายเสียง พูดว่า
ขออย่าทำร้ายตำรวจต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้แกนนำต้องเปิดเพลงประจำของกลุ่มคปท.กลบเสียงเครือขยายเสียง แต่เหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย.


จากข่าวตัวอย่างที่นำมานะค่ะ อาจจะไม่ผิดถึงขั้น ขึ้นโรง ขึ้นศาล
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การทำลายชื่อเสียง และ ก่อให้เจอการทะเลาะ การพูดจาเสียดสีของคนหลายฝ่าย
ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหญ่โตในอนาคตได้ค่ะ

สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝากให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นำไปลองคิดทบทวนคือ
การนำความรู้ ความสามารถ ของตนเอง ไปทำลายผู้อื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ตามจากการกระทำ แม้ว่าจะไม่ถูกกฎหมายลงโทษ
แต่เชื่อเถอะ สักวันหนึ่ง ผลของการกระทำจะต้องย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเองจนได้
ดังเช่นในข่าวที่ได้นำมา

>>>จำนวนคนที่ใช้คอมพิวเตอร์มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะมีสักกี่คนที่จะใช้มันในทางสร้างสรรค์
ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนนั้นคงเป็นคุณนะค่ะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น